วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ปฐมกำเนิด กุมารโรคและสตรีโรค

ย่อจากคัมภีร์พระปฐมจิดา
          พระคัมภีร์ปฐมจินดานี้รจนาโกยปู่ชีวกโกมานภัจจ์ กล่าวถึงการเกิดของมนุษย์ การดูแลสตรีในระหว่างตั้งครรภ์การดูแลทารกในรรภ์ การคลอด การฝังรก การดูแลรักษาหลังคลอด

ว่าด้วยลักษณะพรมปโรหิต
          เมื่อจะตั้งแผ่นดินใหมาก็บังเกิดกัลป์ ด้วยเพลิงประลัยกัลป์นั้นไหม้ฟ้า แผ่นดินภูเขา และเขาพระสุเมรุสิ้นแล้วบังเกิดฝนหเหญ่ตกลงมา ๗ วัน ๗ คืน และน้ำท่วมขึ้นไปถึงชั้นพรมปโรหิต พรมปโรหิตจึงเล็งลงมาดู ก็เห็นซึ้งดอกอุบล ๕ ดอก ผุดขึ้นมา เหนือน้ำงามหาที่จะอุปมามิได้ ท้าวมหาพรหมจึงบอกแก่พรหมทั้งหลายว่ แผ่นดินใหม่นี้ จะบังเกิดพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๕ พระองค์ น้ำค้างเปือกตมจึงตกลงมา ๗ วัน ๗ คืน แล้วข้นเข้าดุจดังสวะอันลอยอยู่เหนือหลังน้ำ หนาสองแสนสี่หมื่นโยชน์
          เมื่อแผ่นดินและเขาพระสุเมรุตั้งขึ้นแล้วนั้น พระอิศวรผูเป็นเจ้าเธออาราธนพรหมองค์ทรงนามว่าพรหมจารี ลงมากินง้วนดิน แล้วก็ทรงครรภ์คลอดบุตรไว้ ๑๒ คน เกิดด้วยครรภปรามาศ คือเอามือลูบนาภีก็มีครรภ์ เกิดบุตรแพร่ไปทั้ง ๔ ทวีป แตกภาษาต่างๆ กัน แต่ชมภูทวีปนี้เป็นกามราคะ เสพเมถุนสังวาสจึงมีครรภ์

กำเนิสัตร์โลก ๔ ประการ
                   ๑.ชลามพุชะ       สัตว์ที่เกิดมาปฎิสนธิในครรภ์ (เป็นตัวค่อยๆเจริญในมดลูก)
                   ๒.อัณฑชะ          สัตว์ที่เกิดเป็นฟองฟัก (เกิดในไข่)
                   ๓.สังเสทชะ        สัตว์มาปฎิสนธิด้วยเปลือกตม (เกิดในที่โสโครก เช่น พวกหนอน พยาธิ)
                   ๔.อุปปาติกะ       สัตว์ปฎิสนธิเป็นอุปปาติกะไม่มีสิ่งใดๆก็เกิดขึ้น (เกิดเป็นตัวทันที)

สตรีประเภทผิดจากบุรุษ ๒ ประการ คือ
                    ๑.ต่อมเลือด (มดลูก รังไข่)
                    ๒.น้ำนมสำหรับเลี้งบุตร

          เมื่อเริ่มมีระดูมานั้น ก็ให้ฝันเห็นว่ามีบุรุษมาร่วมรสสังวาสเมถุนตามชาติวิสัย จึงสมมติว่า วิทยาธร มาลอบชมด้วยประเวณี ตั้งแต่นั้นมาก็มีระดู และ ปโยธร คือ เต้าถันตั้งขึ้น

โหตปกติโทษ ๕ ประการ
           ๑.โลหิตระดูอันบังเกิดมาแต่หทัย สตรีผ้ใดไข้ลงมักระส่ำระส่ายครั่งไคล้ใหลหลงให้ขึ้งโกรธ ให้ริมฝีปากเขี้ว ริมตาเขียว
           ๒.โลหิตระดูอันบังเกิดมาแต่ดีและตับ สตรีผู้ใดไข้ลงมักให้เชื่อมให้มึนมัวเมาซบเซา มิได้รู้ว่ารุ่งและค่ำคืนและวันและให้นอนสะดุ้งหวาดไหวเจรจาด้วยผี สมมุติเรียกว่า ขวัญกินเถโทษทั้งนี้คือฏลหิตกระทำเอา ถ้ารู้ไม่ถึงกำเนิก ๗ วันตาย เมื่อตายแล้วจึงผุดขึ้นมาเป็ฯแว่นเป็นวงสีเขียวสีแดงก็มี ดุจกล่าวมานั้น
           ๓.โลหิตระดูอันบังเกิดมาแต่เนื้อ สตรีผู้ใดไข้ลงกระทำให้ร้อนใน ผิวเนื้อและหนังแดงดังลูกตำลึงศุก ขึ้นเป็นยอดผดให้คันทั้งตัว ต่อมีระดูจึงหายไป
           ๔.โลหิตระดูอันบังเกิดแต่เส้นเอ็น สตรีผู้ใดไข้ลงกระทำให้เจ็บตัวทั่งสรรพวงค์กาย ให้สะบัดร้อนสะบัดหนาว ให้เจ็บปวดศีรษะ เป็นกำลัง ต่อมีระดูมาจึงหายไป
           ๕.โลหิตระดูอันบังเกิดมาแต่กระดูก สตรีผู้ใดไข้ลงมักกระทำให้เมื่อยกระดูกไปทุกข้อกระดูกต่อกันดังจะคลาด ให้เจ็บเอว เจ็บหลัง ต่อมีระดูจึงหายไป          


1 ความคิดเห็น: